Bolttech Insurance Broker
LinePhone

เลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้นไหนดี?

อ่านเร็วๆ

  • ซื้อประกันรถยนต์ชั้นไหนดี? ให้เลือกจากความคุ้มครอง เช่น ต้องการความคุ้มครองทุกกรณีเมื่อเกิดอุบัติเหตุควรเลือกประกันชั้น 1 แต่ถ้าเรามีประสบการณ์ในการขับรถมาระยะหนึ่ง ไม่มีแจ้งเคลมเลือกประกันชั้น 2+ แทนได้ ถ้ารถของเราใช้งานไม่บ่อยนักขับอยู่แถวบ้านเลือกประกันชั้น 3+ เพื่อประหยัดค่าเบี้ยได้และถ้ารถของเรานานๆ ขับทีเลือกประกันชั้น 3 ก็เพียงพอแล้ว
  • ประกันชั้น 1 คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนทุกกรณี รถหาย น้ำท่วม ไฟไหม หรือพายุลูกเห็บ เหมาะกับรถป้ายแดงหรือรถใหม่ และคนที่ยังขับรถไม่คล่องหรือคนที่รักรถ
  • ประกันชั้น 2+ คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถชนกับรถที่มีทะเบียนและระบุคู่กรณีได้ นอกจากนั้นความคุ้มครองเหมือนประกันชั้น 1 คุ้มครองรถหาย รถไฟไหม้ และรถน้ำท่วมเฉพาะบางแพ็กเกจ สำหรับผู้ขับขี่ที่ชำนาญและไม่ค่อยแจ้งเคลมและสนใจเบี้ยประกันที่ถูกลง
  • ประกันชั้น 3+ คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากชนทั้งรถของเราและรถของคู่กรณี บางแพ็กเกจสามารถซื้อคุ้มครองน้ำท่วมได้ เหมาะกับรถที่ขับในเส้นทางที่คุ้นเคยและต้องการประหยัดงบ
  • ประกันชั้น 3 คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการชน คุ้มครองเฉพาะรถคู่กรณีเท่านั้น เหมาะกับรถที่จอดอยู่บ้านไม่ค่อยได้ใช้งานและต้องการทำประกันรถยนต์กันไว้เท่านั้น เบี้ยประกันรถยนต์ราคาถูกที่สุด

ก่อนที่เราจะเลือกประกันชั้นไหน? เราก็ควรต้องทำความรู้จักประกันแต่ละชันก่อนว่าจริงๆ แล้วประกันรถยนต์มีกี่ชั้น? และแต่ละชั้นนั้นให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง? จึงเลือกให้เหมาะกับตัวเราเองได้แบบตรงกับความต้องการที่สุด และ bolttech.co.th มีแผนประกันให้คุณเลือกที่ตรงใจที่สุด มาฝากกันด้วย

เริ่มจากทำความรู้จักประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ซึ่งภาคบังคับตามกฎหมายคือ พ.ร.บ.) กันก่อนนะ สำหรับเพื่อนๆ ที่สงสัยว่าทำไมต้องซื้อประกันรถยนต์ด้วย? เพราะว่าความคุ้มครองของ พ.ร.บ. นั้นครอบคลุมเฉพาะเรื่องค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ค่าซ่อมรถหรือความเสียหายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่คุ้มครอง (เรียกง่ายๆ ว่าต้องจ่ายเอง) จึงควรทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจไว้ เผื่ออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจะได้มีคนช่วยดูแลค่าใช้จ่าย

ความคุ้มครองของประกันรถแต่ละชั้น

ประกันรถชั้น 1

ประกันรถยนต์ชั้น 1

เป็นประกันที่ตอบโจทย์ทุกอย่างในการให้ความคุ้มครองที่เกิดจากการชน รถป้ายแดงทุกคันมักจะเลือกซื้อประกันชั้น 1 กันอยู่แล้ว ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยประกันรถยนต์ชั้น 1 แยกออกเป็น 3 หมวดหมู่ คือ

1. ความคุ้มครองตัวรถคันที่เอาประกันภัย

ซึ่งก็คือความคุ้มครองรถยนต์ของเราคันที่ทำประกันนั่นเอง เจ้าความคุ้มครองที่ว่านี้รวมไปถึงความคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับรถยนต์ด้วยกันเองและการชนสิ่งที่ไม่ใช่รถด้วย เช่น ชนเสาไฟฟ้า ชนรั้วบ้าน หรือล้อแม็กครูดฟุตบาท หรือกรณีรถหายจากการถูกโจรกรรม รถโดนไฟไหม้ และรถโดนน้ำท่วมด้วย

2. ความคุ้มครองภัยพิเศษ

ความคุ้มครองนี้เพื่อความคลอบคลุมภัยที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิด เช่น ภัยก่อการร้ายเมื่อมีการประกาศโดยรัฐบาล อุบัติเหตุส่วนบุคคลเมื่อคนขับหรือผู้โดยสารเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ค่ารักษาพยาบาลเมื่อคนขับและผู้โดยสารในรถได้รับบาดเจ็บ และการประกันตัวผู้ขับขี่เมื่อเกิดคดีอาญาและต้องส่งฟ้องศาล

3.ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

ความคุ้มครองแบบสุดท้าย คือ คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก(ทรัพย์สินของคนอื่นๆ ที่เราขับรถไปชนหรือเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ) และคุ้มครองบุคคลภายนอก(เมื่อเกิดการสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และเกี่ยวข้องกับสุขภาพ)

ประกันรถชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถที่คุ้มครองการชนจากรถชนรถ(รถที่มีป้ายทะเบียน)หรือการชนที่ระบุคู่กรณีได้เท่านั้น ส่วนความคุ้มครองที่เหลือเหมือนกับประกันชั้น 1 แยกออกเป็น 3 หมวดหมู่ เช่นเดียวกัน

1. ความคุ้มครองตัวรถคันที่เอาประกันภัย

คุ้มครองรถยนต์ของเราจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับรถยนต์ด้วยกันเท่านั้น การชนสิ่งที่ไม่ใช่รถไม่คุ้มครองนะครับ ส่วนรถหายจากการถูกโจรกรรม รถไฟไหม้ และรถน้ำท่วมคุ้มครองเหมือนชั้น 1 ตามทุนประกันทุกประการ

2.ความคุ้มครองภัยพิเศษ

ภัยที่เราไม่คาดคิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยก่อการร้าย อุบัติเหตุส่วนบุคคลเมื่อเกิดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บ และการประกันตัวผู้ขับขี่เมื่อต้องส่งฟ้องศาลจากคดีอาญา

3.ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก(ทรัพย์สินของคนอื่นๆ ที่เราขับรถไปชนหรือเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ) และคุ้มครองบุคคลภายนอก(เมื่อเกิดการสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และเกี่ยวข้องกับสุขภาพ) ก็คุ้มครองเช่นเดียวกับประกันชั้น 1

ประกันรถชั้น 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ประกันที่คุ้มครองการชนจากรถชนรถหรือการชนที่ระบุคู่กรณีได้เท่านั้น และยังดูแลค่าซ่อมทั้งรถของเราเองและรถคู่กรณีด้วย

1. ความคุ้มครองตัวรถคันที่เอาประกันภัย

คุ้มครองรถยนต์จากอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับรถยนต์ด้วยกันเท่านั้น การชนสิ่งที่ไม่ใช่รถไม่คุ้มครองนะครับ

2. ความคุ้มครองภัยพิเศษ

คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลเมื่อเกิดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บ และการประกันตัวผู้ขับขี่เมื่อต้องส่งฟ้องศาลจากคดีอาญาครับ แต่บางแพ็กเกจยังมีความคุ้มครองรถโดนน้ำท่วมด้วยนะครับ

3. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

คุ้มครองทรัพย์สินของคนอื่นๆ ที่เราขับรถไปชนหรือเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ และคุ้มครองบุคคลภายนอกเมื่อเกิดการสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และเกี่ยวข้องกับสุขภาพ

ประกันรถชั้น 3

ประกันรถยนต์ชั้น 3

ประกันที่คุ้มครองการชนจากรถชนรถหรือการชนที่ระบุคู่กรณีได้เท่านั้นและดูแลค่าซ่อมเฉพาะรถคู่กรณี

1. ความคุ้มครองตัวรถคันที่เอาประกันภัย

คุ้มครองรถยนต์จากอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับรถยนต์ของคู่กรณีเท่านั้น

2. ความคุ้มครองภัยพิเศษ

คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลเมื่อเกิดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บ และการประกันตัวผู้ขับขี่เมื่อต้องส่งฟ้องศาลจากคดีอาญาเหมือนชั้น 3+

3. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

คุ้มครองทรัพย์สินของคนอื่นๆ ที่เราขับรถไปชนหรือเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ และคุ้มครองบุคคลภายนอกเมื่อเกิดการสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และเกี่ยวข้องกับสุขภาพเช่นเดียวกันกับชั้น 3+

ซื้อประกันรถยนต์ชั้นไหนดี

เลือกซื้อประกันชั้นไหนดี?

การเลือกซื้อประกันรถยนต์ยังไงให้พอเหมาะพอดีกับเรา ไม่ให้ฟุ่มเฟือยหรือซื้อแพงเกินควร และคุ้มครองไม่น้อยเกินไปเพื่อให้เราอุ่นใจที่สุดในการดูแลครอบครัว เลยอยากให้เพื่อนๆ ตอบคำถามเหล่านี้ก่อนครับ (จะตอบในใจ หรือเอากระดาษมาจดก็ได้) ซึ่งการทำแบบประเมินตัวเอง (Self Assessment) นี้จะช่วยให้เรารู้จักตัวเราเองและค้นหาสิ่งที่ตรงกับตัวเรามากที่สุดได้ง่ายขึ้น มาทำไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ

พฤติกรรมการขับรถของเราเป็นแบบไหน?

  • เรามั่นใจในการขับรถขนาดไหน?

Ο มาก                       Ο น้อย

  • เราขับรถชนข้างทาง ขอบฟุตบาท ต้นไม้บ่อยๆ ไหม?

Ο บ่อย                        Ο ไม่บ่อย

  • เราขับรถทางไกลต่างจังหวัดบ่อยและเป็นเส้นทางใหม่ทุกครั้ง?

Ο ใช่                           Ο ไม่ใช่

  • หรือเราขับรถเส้นทางเดิมๆ ระยะใกล้เป็นประจำ?

Ο ใช่                           Ο ไม่ใช่

เลือกประกันจาก อายุและสภาพรถเรา

  • รถของเราเป็นรถใหม่ป้ายแดง เพิ่งถอยจากโชว์รูม?

Ο ใช่                         Ο ไม่ใช่

  • เป็นรถที่ใช้มาซักระยะแล้ว (2-6 ปี)?

Ο ใช่                         Ο ไม่ใช่

  • เป็นรถที่ใช้มานานแล้ว (7-12 ปี)?

Ο ใช่                         Ο ไม่ใช่

เลือกประกันจากที่อยู่และที่จอดรถประจำของเรา

  • บ้านเราอยู่ในบริเวณที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติไหม?

Ο ใช่                            Ο ไม่ใช่

  • หน้าฝนบ้านเราน้ำรอระบายนาน(น้ำท่วม)ไหม?

Ο รอนาน                     Ο รอไม่นาน

  • บ้านเราอยู่ใกล้กับบริเวณเกิดไฟป่าไหม?

Ο ใกล้                        Ο ไม่ใกล้

  • ที่จอดรถเป็นจุดเสี่ยงต่อการถูกขโมยรถไหม?

Ο มีความเสี่ยง           Ο ไม่มีความเสี่ยง

เฉลยคำตอบ 

พฤติกรรมการขับรถของเราเหมาะกับประกันแบบไหน?
1.มั่นใจในการขับรถน้อย, ขับรถชนข้างทาง ขอบฟุตบาท ต้นไม้บ่อย, ขับรถทางไกลต่างจังหวัดบ่อยและเป็นเส้นทางใหม่ทุกครั้งและไม่ขับรถเส้นทางเดิมๆ ระยะใกล้เป็นประจำ คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 1
2.มั่นใจในการขับรถมาก, ขับรถชนข้างทาง ขอบฟุตบาท ต้นไม้บ่อย, ขับรถทางไกลต่างจังหวัดบ่อยและเป็นเส้นทางใหม่ทุกครั้งและไม่ขับรถเส้นทางเดิมๆ ระยะใกล้เป็นประจำ คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 1
3.มั่นใจในการขับรถมาก, ขับรถชนข้างทาง ขอบฟุตบาท ต้นไม้ไม่บ่อย, ขับรถทางไกลต่างจังหวัดบ่อยและเป็นเส้นทางใหม่ทุกครั้งและไม่ขับรถเส้นทางเดิมๆ ระยะใกล้เป็นประจำ คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 1
4.มั่นใจในการขับรถมาก, ขับรถชนข้างทาง ขอบฟุตบาท ต้นไม้ไม่บ่อย, ขับรถทางไกลต่างจังหวัดบ่อยและเป็นเส้นทางเดิมทุกครั้งและขับรถเส้นทางเดิมๆ ระยะใกล้เป็นประจำ คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 2+
5.มั่นใจในการขับรถมาก, ขับรถชนข้างทาง ขอบฟุตบาท ต้นไม้ไม่บ่อย, ขับรถทางไกลต่างจังหวัดไม่บ่อยแต่เป็นเส้นทางเดิมทุกครั้งและขับรถเส้นทางเดิมๆ ระยะใกล้เป็นประจำ คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 2+
6.มั่นใจในการขับรถมาก, ขับรถชนข้างทาง ขอบฟุตบาท ต้นไม้ไม่บ่อย, ขับรถทางไกลต่างจังหวัดไม่บ่อยแต่เป็นเส้นทางเดิมทุกครั้งและขับรถเส้นทางเดิมๆ ระยะใกล้บางครั้ง คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 3+
7.ถ้าเป็นรถใหม่ เพิ่มถอยมาไม่นาน คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 1
8.รถที่ใช้มาซักระยะแล้ว คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 1 และ ประกันชั้น 2+
9.รถที่ใช้มานานแล้ว คุณเหมาะกับ ประกันชั้น 2+, ประกันชั้น 3+ และ ประกันชั้น 3
10.บ้านเราอยู่ในบริเวณที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ ประกันชั้น 1 และ ประกันชั้น 2+
11.หน้าฝนบ้านเราน้ำรอระบายนาน(น้ำท่วม) ประกันชั้น 1 และ ประกันชั้น 2+
12.บ้านเราอยู่ใกล้กับบริเวณเกิดไฟป่า ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2+ และ ประกันชั้น 3+
13.ที่จอดรถเป็นจุดเสี่ยงต่อการถูกขโมยรถ ประกันชั้น 1 และ ประกันชั้น 2+
เป็นอย่างไรบ้างครับ? หวังว่าจะได้คำตอบกันแล้วนะครับ จากนั้นให้เราเอาคำตอบที่ได้มาดูแผนประกันแต่ละแบบด้านล่างว่าประกันชั้นไหนเหมาะกับเรากันแน่

ประกันแต่ละชั้นนั้นเหมาะกับใคร

สรุปแล้วการเลือกประกันให้เหมาะกับตัวเรานั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมครับ Frank สรุปอีกทีนะครับว่าเราจำง่ายๆ ได้ว่า

ประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด

เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ หรือผู้ที่เพิ่งซื้อรถใหม่มาขับ แล้วอยากให้รถดูใหม่เหมือนเพิ่งออกมาจากศูนย์ เพราะประกันภัยชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด สามารถเคลมได้แทบทุกกรณีตั้งแต่ชนต้นไม้ ชนรั้ว ไปจนถึงอุบัติเหตุรุนแรง
ประกันชั้น 2+ สำหรับผู้ขับขี่มากประสบการณ์
ถ้าคุณขับรถมาแล้วหลายปี ไม่กังวลว่าจะขับรถชนต้นไม้ เสาไฟฟ้าแล้ว เพราะในประกันรถชั้น 2+ คุณจะได้รับความคุ้มครองเมื่อขับรถชนกับรถเท่านั้น ซึ่งมีทุนประกันเท่ากับราคารถคุณในตลาด ส่วนความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากรถชนรถนั้นคุณต้องจ่ายเองทั้งหมด

เลือกประกันก็เหมือนเลือกคู่ ไม่มากไปและไม่น้อยไป

ประกันชั้น 3+ สำหรับผู้มีงบไม่มาก แต่มากประสบการณ์
ถ้าคุณมั่นใจฝีมือการขับรถของคุณ หรือคุณขับรถเก่า คุณเหมาะกับประกันรถชั้น 3+ เพราะคุ้มครองแต่อุบัติเหตุรถชนกับรถเท่านั้น โดยทุนประกันก็ได้ตามจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งน้อยกว่าทุนประกันภัยชั้น 1, 2+ ที่อิงตามราคาตลาดของรถ
ประกันชั้น 3 สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ
เหมาะสำหรับคนไม่ค่อยขับรถ เพราะประกันรถยนต์ราคาน้อยที่สุดก็ต้องแลกกับความคุ้มครองที่น้อยที่สุดเช่นกัน ถ้าคุณขับรถชนรถคันอื่นหรืออุบัติเหตุอื่น ประกันจะรับผิดชอบความเสียหายของรถฝ่ายตรงข้าม แต่คุณจะต้องรับผิดชอบค่าซ่อมรถของคุณเอง
แผนประกันแต่ละแบบก็เหมาะกับคนแต่ละแบบ เพราะประสบการณ์ขับรถที่แตกต่างกัน การใช้รถที่แตกต่างกัน ถ้าเราสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์ยังไงให้เหมาะสมกับตัวเองได้ เราก็สามารถใช้เงินคุ้มค่า และอุ่นใจทุกครั้งเมื่ออยู่บนท้องถนน
เมื่อเลือกได้แล้วว่าอยากจะต่อประกันชั้นไหน ต่อมาเราก็ถึงเวลาซื้อประกันแล้วนะครับ frank ขอข้ามเรื่องวิธีการเลือกบริษัทประกันและวิธีเลือกโบรกเกอร์และตัวแทนขายประกันไปเลยนะครับ วิธีการต่อประกันรถยนต์ที่ frank จะแนะนำคือ วิธีการต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ มี 2 ข้อดังนี้ครับ
ต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ดีอย่างไร?

  • สะดวกครับ: ไม่ต้องโทรหาเจ้าหน้าที่ขายประกัน คุยกันให้ยืดยาว เพราะเราเองก็หาข้อมูลพร้อมแล้ว รู้แล้วว่าจะเลือกซื้อประกันชั้นไหน ความคุ้มครองอะไรบ้าง แค่กรอกเลขบัตรเครดิตเองครับ สะดวกมาก เหมือนซื้อตั๋วเครื่องบินอย่างใดอย่างนั้น
  • คุ้มครองได้เลย: เมื่อเราตัดบัตรบริษัทประกันโทรมายืนยัน คราวนี้ก็คุ้มครองเราเลยครับ ไม่ต้องออกจากบ้านเลย

ถ้าใครกังวลเรื่องการชำระเงินออนไลน์แล้วโดนจะโกง เราขอเสนอวิธีตรวจสอบความปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์มาให้ศึกษาครับ เมื่อเราพร้อมแล้วเรามาดูวิธีการต่อประกันรถยนต์ออนไลน์กันดีกว่า สะดวกและง่ายกว่าที่คิด

ขั้นตอนง่ายๆ ในการต่อประกันออนไลน์
1. กรอกข้อมูลส่วนตัวเราและรถของเรา เลือกยี่ห้อรถ รุ่นรถ ปีจดทะเบียน แล้วก็ใส่ชื่อและเบอร์โทรของเราครับ
2. เลือกแผนประกัน คราวนี้ก็เลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับตัวเราได้เลยครับ
3. จ่ายเงินออนไลน์ได้เลย เขามีวิธีให้เลือกจ่ายหลายแบบนะครับ ลองพิจารณาดูตามความสะดวก แต่ตัว frank เองชอบตัดบัตรเครดิตครับ ง่าย สะดวกสบาย

แค่ 3 ขั้นตอน เพื่อนๆ ก็สามารถได้รับความคุ้มครองชั้นดีที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว
กดเช็กเบี้ยด้านล่างเลยครับ
ประกันรถยนต์

frank.co.th

เชื่อมต่อ กับพวกเรา

รับข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอโดยติดตามเราในช่องโปรดของคุณ
LineFacebook
Bolttech
บริษัท โบลท์เทค อินชัวร์นส์ โบรคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ใบอนุญาตินายหน้าประกันภัยหมายเลข
00017/2559
หมายเลขจดทะเบียนนิติบุคคล
0105559056161
รับรองความปลอดภัย และ อยู่ภายใต้ความควบคุม ของ
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
Security & Compliances
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
bolttech © 2021 All Rights Reserved.