Bolttech Insurance Broker
LinePhone

รวมข้อมูลประกันรถยนต์ในประเทศไทยที่ครบที่สุด

อ่านเร็วๆ

  • ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจในประเทศไทยตอนนี้มีอยู่ 4 ความคุ้มครองหลัก คือประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2+, ประกันชั้น 3 และประกันชั้น 3+ ส่วนชื่ออื่นๆ ขึ้นอยู่กับการตั้งชื่อและการตลาดของแต่ละบริษัทประกันภัย
  • ธุรกิจประกันภัยมีมูลค่ามหาศาลในแต่ละปีและถือเป็นการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในอนาคตและมีอัตราการแจ้งเคลมอยู่ที่ปีละ 32.1% (ข้อมูลจาก Insurance Research Council)
  • เราสามารถซื้อประกันได้ทั้งแบบออนไลน์ด้วยตัวเราเองสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดเวลาหรือซื้อผ่านตัวแทนที่ได้รับอนุญาตโดยตรงเพื่อถามข้อสงสัยก่อนการตัดสินใจ
  • บริษัทประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทยมีทั้งหมด 42 บริษัท ส่วนบริษัทนายหน้าประกันภัยที่มีใบอุนญาตสามารถตรวจสอบได้ที่ http://oiceservice.oic.or.thได้ตลอด 24 ช.ม.
  • ข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนการตัดสินใจซื้อประกันรถนอกจากเบี้ยราคาถูก คือ ส่วนลดค่าเบี้ย ค่าความเสียหายส่วนแรก และปัญหาในการแจ้งเคลม
  • ประกันรถยนต์บริษัทไหนดีที่สุด ให้ดูจากบริษัทที่มีปัญหาน้อยที่สุดเพื่อเลี่ยงปัญหาจากการแจ้งเคลมในอนาคต

infographic-ข้อมูล-ประกันรถยนต์-ประเทศไทย-ที่ครบสุด

ถึงรอบต่อประกันกันแล้วรึยังครับ? ด้วยความที่ประกันรถยนต์นั้นต่อเป็นรายปีและในปัจจุบันก็มีหลายแพ็กเกจความคุ้มครองออกมาให้เราเลือกมากขึ้น Frank เข้าใจอารมณ์ช่วงของการตัดสินใจเลือกนะครับบางทีเราก็รู้สึกไม่แน่ใจว่า เอ...ต่อที่เดิมที่ทำไว้ดีไหม? หรือจะต่อที่ใหม่ดีกว่าเพราะเราน่าจะได้ของแถมเยอะกว่าการต่ออายุ เลยเป็นที่มาที่อยากสรุปเรื่องราวของการทำประกันรถของบ้านเราแบบครบถ้วนมากที่สุดมาให้อ่านกันครับ อ่านจบรับรองเลยว่าคุณจะตอบได้ว่าเลือกแบบไหนดี

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์(ภาคสมัครใจ)มีกี่แบบ

มีความคุ้มครองหลักอยู่ 4 แบบครับ จากความคุ้มครองมาตรฐานหรือที่เราเรียกกันว่าแพ็กเกจหลักนะครับชื่อที่เราคุ้นหูกันก็คือประกันชั้นต่างๆ นั่นเองครับ

1. ประกันรถยนต์ชั้น 1

เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองครบถ้วนที่สุด เพราะคุ้มครองอุบัติเหตุจากการชนสามารถเกิดได้จากทั้งรถยนต์ชนกันเองหรือจากการเฉี่ยวชนสิ่งอื่นๆ เช่น ตีวงเลี้ยวไม่พอไปครูดฟุตบาทหรือจอดรถในบ้านแล้วไปชนรั้วบ้านเข้าให้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของการทำประกันชั้น 1 ที่ประกันชั้นอื่นๆ เทียบไม่ติดและเป็นที่มาว่าทำไมประกันชั้น 1 ถึงเป็นประกันรถยนต์ที่ขายดีที่สุด ส่วนใครที่มองว่าถ้าเราขับขี่ดีไม่มีแจ้งเคลมและอยากได้ส่วนลดค่าเบี้ยก็สามารถเลือกมีค่าความเสียหายส่วนแรกดีดักทิเบิ้ล (Deductible) ได้ด้วยซึ่งมีในประกันรถยนต์ชั้น 1, 2+ และ 3+ นะครับ
ส่วนความคุ้มครองด้านอื่นๆ ตัวอย่างเช่น คุ้มครองรถยนต์จากภัยธรรมชาติก็คุ้มครองทั้งน้ำท่วม ไฟไหม้ พายุลูกเห็บ แผ่นดินไหว และยังคุ้มครองรถโดนขโมย รวมถึงรถที่ได้รับผลกระทบจากภัยก่อการร้ายด้วย จึงเป็นที่มาว่าทำไมกว่า 50% ของคนที่ขับรถยนต์ตัดสินใจทำประกันชั้น 1 และทำไมประกันที่แถมตอนเราซื้อรถถึงเป็นชั้น 1 ครับ
ส่วนราคาเบี้ยประกันรถยนต์ก็แน่นอนว่าราคาสูงสุดเมื่อเทียบกับประกันชั้นอื่นๆ ซึ่งก็สมเหตุสมผลสำหรับความคุ้มครองที่ครบถ้วนที่สุดนะครับ แต่ที่อยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มก็จะมีบางแพ็กเกจของบริษัทประกันที่มีให้เราเลือก เช่น

  • เราจ่ายค่าเบี้ยชั้น 1 แค่ครึ่งเดียวก่อนถ้าเราไม่แจ้งเคลมเลยจะคุ้มมากแต่ถ้ามีแจ้งเคลมเราก็จ่ายส่วนต่างที่เหลือให้ครบกลายเป็นค่าความเสียหายส่วนแรก (Deductible) ไปซะ
  • ประกันตามไมล์ที่ขับที่เหมาะกับรถที่ขับวันละไม่เกิน 70 กิโลเมตรถ้าเราขับเกินก็ต้องจ่ายเพิ่มส่วนต่างในปีถัดไป
  • ประกัน 30 up สำหรับเจ้าของรถที่อายุเกิน 30 ปีเป็นการจ่ายเบี้ยประกันชั้น 1 แบบคงที่และทุนประกันเริ่มต้นที่ 200,000 บาท
  • หรือถ้าเราอยากได้ค่าเบี้ยประกันชั้น 1 ที่ราคาถูกลงมาหน่อย ลองเลือกเป็นการซ่อมอู่

ซึ่งเราก็เลือกตามความชอบได้เลยครับ เพราะทุกแพ็กเกจออกแบบตามพื้นฐานของความคุ้มครองประกันชั้น 1 เหมือนกันหมดถ้าใครเลือกไม่ถูกถาม Frank ได้นะครับ

2. ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันชั้นถัดมามีความต่างจากชั้น 1 ตรงที่เคลมอุบัติเหตุจากการชนได้เฉพาะเมื่อเรามีคู่กรณีหรือรู้เลขทะเบียนฝั่งตรงข้ามเท่านั้น (ถ้าไปชนอย่างอื่น เช่น ชนเสาไฟ ชนฟุตบาทหรือรั้วบ้านประกัน 2+ ไม่คุ้มครองครับ) แต่ถ้าเกิดการชนแล้วหนีหรือเราบอกเลขทะเบียนฝั่งตรงข้ามไม่ได้ก็แจ้งเคลมไม่ได้นะครับ จึงเป็นที่มาว่าเราควรติดกล้องติดรถยนต์เมื่อทำประกันชั้นนี้เลือกแบบมีเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวขณะจอดแล้วบันทึกภาพอันโนมัติด้วยยิ่งดีครับพวกแอบชนแล้วหนีเราจะได้มีหลักฐาน
ส่วนความคุ้มครองที่เหลือ เช่น รถหาย รถไฟไหม้ รถโดนน้ำท่วม รถโดนพายุลูกเห็บถล่มมา หรือแม้แต่รถได้รับผลกระทบจากภัยก่อการร้าย (ในประเทศไทยประกันชั้น 2+ ที่คุ้มครองผลกระทบจากภัยก่อการร้ายมีอยู่ 2 บริษัทเท่านั้นซึ่งกรุงเทพประกันภัยเป็นหนึ่งในนั้นครับ) ประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองครับเหมือนประกันชั้น 1 ทุกอย่างเลยครับ
ส่วนเรื่องของราคาเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2+ นั้นเรียกได้ว่าถูกกว่าประกันชั้น 1 ครึ่งหนึ่งเลยครับจึงเป็นที่มาว่าเซลส์จะเสนอขายความคุ้มครองนี้กันมากโดยเฉพาะรถยนต์อายุตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไปก็ด้วยเหตุผลที่ว่า

  • ทักษะการขับขี่ของเจ้าของรถมีความชำนาญมากขึ้นแล้ว
  • ต้องการเบี้ยประกันที่ราคาถูกลง
  • ติดกล้องติดรถยนต์เพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งเคลมแล้ว  
  • ขับรถในเส้นทางไม่ไกลมากหรือไม่ได้ใช้รถเป็นประจำทุกวัน

แล้วถ้ารถไปชนสิ่งอื่นๆ มาล่ะจะทำไง? อย่าเพิ่งตกใจไปครับ ลองสอบถามค่าซ่อมสีที่อู่คุณภาพแถวบ้านดูก่อนบางทีอาจจะซ่อมชิ้นละ 1,000-2,000 บาทเท่ากับค่าเอ็กเซส (Excess) เลยล่ะครับ อยากรู้เรื่องเทคนิคการแจ้งเคลมถาม Frank เพิ่มได้นะครับ

การทำประกันรถนั้นเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งคือการลงทุนเพื่อความปลอดภัย

3. ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ประกันชั้น 3+ นี้มีความคุ้มครองเพิ่มจากชั้น 3 ตรงที่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนแบบมีคู่กรณี (รถชนรถ) ขึ้นบริษัทประกันจะดูแลการซ่อมรถทั้งของเราและคู่กรณีให้ แต่ถ้าเราไม่สามารถบอกรายละเอียดคู่กรณีได้ก็ลำบากหน่อยนะครับ จึงสมควรแก่การติดกล้องติดรถยนต์ไว้เช่นเดียวกันจะได้บอกได้ว่าคู่กรณีของเราทะเบียนอะไรในการแจ้งเคลมอุบัติเหตุการชนครับ
ส่วนความคุ้มครองอื่นๆ ไม่มีความคุ้มครองใดๆ เพิ่มเติมนะครับ เพราะประกันชั้น 3+ นี้เหมาะกับรถยนต์ที่ใช้น้อย นานๆ ขับที หรือขับอยู่ในระเวกบ้านเส้นทางเดิมๆ และส่วนมากจะเป็นรถที่มีอายุหลายปีแล้วและคนขับเองก็มีความชำนาญในการขับขี่สูงแล้วด้วยครับ
แล้วค่าเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 3+ ล่ะเป็นอย่างไรบ้าง? เรียกได้ว่าราคามิตรภาพสุดๆ ครับราคาอาจจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 บาท ราวๆ 1 ใน 3 ของเบี้ยประกันชั้น 1 ครับ (ตาม cc ของเครื่องยนต์) ซึ่งเหมาะสมที่สุดกับรถที่

  • นานๆ ขับที
  • ขับแถวบ้านไม่ค่อยเดินทางไกล
  • รถเราใช้มาหลายปีแล้ว
  • ติดกล้องติดรถยนต์เพื่อเป็นหลักฐานตอนเกิดเหตุ

แล้วถ้าเราขับชนสิ่งอื่นๆ ก็ใช้วิธีการเดียวกันกับชั้น 2+ เลย คือลองติดต่ออู่แถวบ้านแล้วซ่อมเองคุ้มกว่าเยอะครับเพราะรถก็ไม่ค่อยได้ขับอยู่แล้ว

4. ประกันรถยนต์ชั้น 3

ส่วนประกันชั้น 3 เป็นประกันรถที่คุ้มครองรถของคู่กรณีเท่านั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุจาการชน นั่นหมายความว่าถ้าเราขับรถไปชนคนอื่นเราต้องซ่อมรถตัวเองนะคร้าบ แต่เราต้องสามารถบอกเลขทะเบียนของคู่กรณีได้ด้วยจึงสมควรต้องมีกล้องติดรถยนต์เป็นอย่างยิ่งอีกเช่นเดียวกันนะฮะ
ความคุ้มครองอื่นๆ สำหรับประกันชั้น 3 นั้นไม่มีเพิ่มเติมนะครับ เพราะเป็นประกันที่คุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณีเท่านั้นและราคาเบี้ยของประกันรถชั้น 3 นั้นจะถูกที่สุดในหลักพันบาทเมื่อเปรียบเทียบกับประกันรถทั้งหมด
สรุปแล้วประกันรถยนต์ชั้น 3 เหมาะกับ

  • รถที่ใช้ขับน้อยมาก
  • รถอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป
  • ต้องการความคุ้มครองเผื่อไว้เท่านั้น
  • ติดกล้องติดรถยนต์เผื่อกรณีชนแล้วหนี

อัตราการแจ้งเคลมประกันรถยนต์

เพราะการทำประกันรถนั้นเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งคือการลงทุนเพื่อความปลอดภัย จึงเป็นธุรกิจที่มูลค่ามหาศาลในแต่ละปีถือเป็นการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในอนาคตและมีอัตราการแจ้งเคลมอยู่ที่ปีละ 32.1% (ข้อมูลจาก Insurance Research Council) และยังเพิ่มความสะดวกรวดเร็วมากขึ้นด้วยการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์เพียงแค่เราต้องเลือกตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก คปภ. และตรวจสอบก่อนซื้อเพื่อป้องกันการถูกหลอกขายประกันครับ
การตรวจสอบบริษัทนายหน้าประกันภัยที่มีใบอุนญาตสามารถตรวจสอบได้ที่ http://oiceservice.oic.or.th ได้ตลอด 24 ช.ม. ซึ่งมีบริษัทประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทยมีทั้งหมด 42 บริษัท ซึ่งข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนการตัดสินใจซื้อประกันรถนอกจากเบี้ยราคาถูก คือ

  • ส่วนลดค่าเบี้ย
  • ค่าความเสียหายส่วนแรกและ
  • ปัญหาในการแจ้งเคลม

ส่วนคำถามที่ว่าประกันรถยนต์บริษัทไหนดีที่สุด ให้ดูจากบริษัทที่มีปัญหาในการแจ้งเคลมให้น้อยที่สุดเพื่อเลี่ยงปัญหาจากการแจ้งเคลมในอนาคตของเราครับ

Credit: https://www.firstdependable.comy, https://th.wikipedia.org

frank.co.th

เชื่อมต่อ กับพวกเรา

รับข่าวสารล่าสุดและข้อเสนอโดยติดตามเราในช่องโปรดของคุณ
LineFacebook
Bolttech
บริษัท โบลท์เทค อินชัวร์นส์ โบรคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ใบอนุญาตินายหน้าประกันภัยหมายเลข
00017/2559
หมายเลขจดทะเบียนนิติบุคคล
0105559056161
รับรองความปลอดภัย และ อยู่ภายใต้ความควบคุม ของ
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
Security & Compliances
GeoTrustDBDOffice of Insurance Commission
bolttech © 2021 All Rights Reserved.